วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โตขึ้นอยากเป็นอะไรเอ่ย ???


... คำถาม ที่ถูกถามมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก   .....ตกลง..... ตอนนี้กูอยากเป็นอะไรว๊ะเนี่ยยย!!! ...

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Logistics กับ การเล่นหุ้น


                Logistics คืออะไร ??? ...หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า Logistics คือการขนส่ง  อืมมมม...มันก็ถูกส่วนหนึ่งแหละ แต่ว่ามันเป็นคำนิยามที่ผิดเพี๊ยนไป  ...ที่จริงแล้ว Logistics ไม่ใช่การขนส่ง  แต่ว่าการขนส่งอ่ะ มันเป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของ Logistics 
               อ้าวแล้วตกลง Logistics คืออะไร ??  ......... Logistics คือ ทุำกสิ่ง ทุกอย่างรอบตัวเรา ( อะไรของมึง !!! มั่วป่าว ) อ่ะ ๆ แต่ว่า ต้องเป็นอะไรที่เสริมสร้างคุณค่า เสริมสร้าง คุณประัโยชน์ด้วยนะ  
( อืมมมมม!!,,)  ยกตัวอย่างให้ดูดีกว่า....  ตื่นเช้าขึ้นมา คุณทำอะไร   ,,ถ้าเป็นผมก็  ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ  ขี้  กินขี้  เอ้ยกินข้าว ( ตลก !!,,)  ผมขอถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ ว่า กิจกรรมข้างต้นนี้ เป็น Logistics มั้ยครับ ??
( เป็น  ไม่้เป็น เป็น ไม่เป็น )  ใครตอบว่าเป็น  คุณไตรภพขอบอกได้คำเดียวเลยว่า ถูกต้องคร๊าบบบบบ!!!!^^ ฮ่าๆ  ( เป็นยังไง แว๊,,,,....! )  เป็นดิ ก็ ล้างหน้า เราทำเพื่ออะไร  ก็เพื่อให้หนังหน้าเรามันสะอาด  ขาวขึ้น  ป้องกันสิวขึ้น  ออกไปเรียน หรือ ออกไปทำงาน  จะได้มั่นใจในหนังหน้า ไม่ใช่ว่า ขี้ตาหนาเตอะ  หน้าเป็นสิว เห็นมั้ย ว่าการล้างหน้า มันทำให้ก่อเกิดคุณประโยชน์แก่ตัวเรา  (และแก่คนอื่น ฮ่าๆ)  เพราะฉะนั้นมันก็คือ Logistics  ...เห็นป่าว ยังไม่มีการขนส่งเลย  อ่ะๆ...แต่ช้าก่อน   ถึงแม้ในภาพใหญ่ของการล้างหน้า จะไม่มีการขนส่ง  แต่ในภาพเล็ก (ในกระบวนการ) มีนะฮั๊ฟฟฟฟ  (มีไง ว๊าาา ????)  ก็คุณตื่นมา คุณเดินไปห้องน้ำป่ะล่ะ  คุณหยิบขันตักน้ำ แล้วมาราดใส่หน้าป่าวล่ะ  คุณเขยิบไปหน่อย ไปหยิบโฟมมาบีบใส่มือป่ะล่ะ   นั่นไง !!!! ขนส่งยัง   ก็ที่ผมพูดไว้ไง ว่า การขนส่งมันเป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของ Logistics
การแปรงฟันก็เหมือนกัน  แปรงเพื่ออะไร  ??  ก็แปรงเพื่อให้ปากไม่เหม็นไง  เห็นมั้ย มูลค่าเพิ่ม   แล้ว การขี้ล่ะ  เป็นมั้ย  ก็เป็นไง  เราขี้เพื่ออะไร  ???  ก็ขี้เพื่อเอาของเสียที่ตกค้างอยู่ออก  เพื่อพร้อมที่จะเอาของใหม่เข้าไป  แถมช่วยให้ไม่เป็นมะเร็งลำไส้ด้วย    แล้ววันๆนึงเราก็ต้องกินข้าว   ถ้าไม่ขี้ แล้วยังเอาของใหม่เข้าไป หมักตายเลย  เฮ้อ ,,!! เหม็นๆ  นี่ไง การขี้ กับ การกินข้าว มันมี Supply Chain  ( ศัพท์ใหม่มาอีกละ มึงนิ  ของเก่ากูยังมึนอยู่เลย  หุหุ ^^,,  ไว้วันหลังจะเล่า่ให้ฟัง )   แล้ว ขี้มีการขนส่งมั้ย   ฮ่าๆ มีดิ เหม็นด้วย !!  เวลาเราขี้  พอขี้เสร็จ ก็ต้องกดน้ำ  กดทำไม  ก็เอาขี้ไปเก็บ หรือ เอาไปทิ้งไง  ถ้าไม่เก็บ ก็เหม็นดิ   เห็นมั้ย  Logistics ชัดๆ  !!!!!,,,...  อืมมม,, ถึงแม้ว่าทุกอย่างรอบตัวเราจะเป็น Logistics ก็ตาม แต่ มันก็จะมีทั้ง Logistics ที่มีประสิทธิภาพ กับ Logistics ที่ไม่มีประสิทธิภาพ   ยกตัวอย่างจากการขี้แล้วกัน  แต่ก่อนเราทำความสะอาดรูตูดน้อยๆของเรายังไง  ถ้าเป็นสมัยก่อน  ก็เอาใบไม้เช็ด   ดีขึ้นมาหน่อย  ก็เอาขันตักน้ำแล้วเอาไปจ่อตรงรูตูด แล้วก็ล้าง  ถัดมา ก็ใช้สายฉีดแรงดันสูง มาช่วยทำความสะอาด รูตูดน้อยๆของเรา
(อุ้ย !!! แสบบบ  คิคิ )  เดี๋ยวนี้โคตรพัฒนาเลย  ก็จะเป็นล้างตูดแบบอัตโนมัติ 555 โคตรสบาย  ...นี่ไง !! ที่บอกว่า ประสิทธิภาพ กับ ไม่มีประสิทธิภาพ   คือ มันเป็นการ หาวิธีมาทำความสะอาดตูดเราำไง    มันอาจจะเลือกได้หลายวิธี  หรือ อาจจะเป็นการพัฒนาตามกาลเวลา  แต่สุดท้ายแล้ว เราต้องเลือกวิธีการที่มันดีที่สุด ที่จะมาเพิ่มมูลค่า สร้างคุณค่า ให้กับรูตูด เรา  หึหึ !!!,,,
                 สรุปแล้ว Logistics มันคือ กิจกรรมอะไรก็ได้อ่ะ ที่มันช่วยเสริมสร้างคุณค่า สร้างมูลค่าเพิ่ม  ให้ตัวเรา  หรือคนรอบตัวเรา  ....,,,  เออ  แล้วมันเกี่ยวยังไงกับหุ้นเน๊อะ  ( นั่นดิ มันเกี่ยวกันยังไง ?? )   โคตรเกี่ยวเลยแหละขอบอก !!!!    ....ก็ขนาดตัวเรา แค่มนุษย์ตัวเล็กๆ  กิจกรรมที่เราทำทุกวัน มันยังเป็น Logistics    แล้วบริษัทจดทะเบียนที่อยู่้ในตลาดหลักทรัพย์ ที่ทำธุรกิจ นู่นนี่นั่น  มันจะไม่เป็น Logistics หรืออย่างไร ?? ,,

                 Logistics ในความหมายของการทำธุรกิจ คือ การจัดการ กิจกรรมการดำเนินงานต่างๆ ที่มีอยู่ในกระบวนการของบริษัท  ให้มันดี ให้มันมีประสิทธิภาพ  สามารถทำให้บริษัท มีกำไรเยอะๆ   เพราะการแข่งขันสมัยนี้ การจะทำให้บริษัทมีกำไรเยอะๆได้  มันไม่ใช่การขายของ โดยการตั้งราคาแพงๆ  ขณะที่ ต้นทุนโคตรสูง   แบบว่า สินค้าชิ้นนึง ต้นทุน 80 บาท  แต่ก่อนเคยขาย 100 บาท ได้กำไร 20 บาท  แต่เกิดอยากได้กำไรเพิ่ม  เสือกขึ้นราคาเป็น 120 บาท   โห!!! ...เวร !!  ที่ถูกต้องคือ เราต้องขายเท่าเดิม คือ 100 บาท แต่ลดต้นทุนให้มันเหลือ 60 บาท  จะได้ ได้กำไร 40 บาท ที่ต้องการเพิ่มไง  เห็นมั้ย !!! แต่อยู่ที่ว่าเราจะทำยังไง ใช่ป๊ะล่ะ !!
                แล้วทุกบริษัท ไม่ว่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร  มี Logistics แน่นอน  ก็ขนาดขี้ยังมีเลยอ่ะ  แต่ว่าจะเป็น Logistics ที่มีประสิทธิภาพหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่การวางแผนของผู้บริหาร ( จะเอาใบไม้เช็ด หรือจะ ใช้ โถขี้แบบล้างตูดอัตโนมัติื เหอะ ๆ,,)
                   เพราะฉะนั้น ผมว่ามันเกี่ยวกับหุ้นอย่างแรงเลยนะ   เราเล่นหุ้นเพื่ออะไร  ก็เพื่ออยากได้กำไร  การได้กำไร  มันก็เกิดขึ้นจาก การได้ผลต่างราคาของหุ้นที่เราซื้อ  หรือได้จาก  เงินปันผลที่บริษัทจ่ายให้
ถ้าเราอยากได้ผลต่างราคามากๆ เราก็ต้องซื้อถูก ไปขายแพง หรือซื้อแพง ไปขายแพงกว่า   แล้วการที่ผลต่างมันจะเพิ่มได้  หุ้นมันก็ต้องขึ้น  จะขึ้นได้  ก็ต้องมีคนต้องการหุ้นตัวนั้นมากๆ   เพราะราคาหุ้นมันขึ้นกับ Demand & Supply อยู่แล้ว หุ้นจะขึ้น Demand ก็ต้องมากๆ  Demand จะมากได้ หุ้นมันต้องดี  หุ้นมันจะดี  การบริหารงาน บริหารต้นทุน ความสามารถในการทำกำไรมันต้องดี แล้วถ้าเราอยากได้เงินปันผลจากหุ้นตัวที่เราซื้อมากๆ  บริษัทนั้นๆ ก็จะต้องมีนโยบายจ่ายปันผลสูงๆ ได้กำไรสุทธิมากๆ   แล้วจะได้กำไรสุทธิมากๆ ยังไงอ่ะ   อ้าว !! ก็ มี ยอดขายเยอะๆ แต่ต้นทุนต่ำๆ ไำง       ....เห็นป๊ะ  Logistics !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
               
                     เออ ... แล้ว Logistics กับการเทรดหุ้นของเราๆ ท่านๆ ล่ะ เกี่ยวกันมั้ย ????  ....... เกี่ยวสิ  เกี่ยวยังไง ??  ก็ Logistics คือการ สร้างคุณค่า การลดต้นทุน ทำต้นทุนให้ต่ำ   ส่วนการเทรดหุ้นก็ ซื้อต่ำ ขายสูง หรือ ซื้อสูง ขายสูงกว่า   เพราะฉะนั้น การเทรดหุ้นของเราก็เทียบได้กับ การเปิดร้านโชว์ห่วย(พอร์ตจิ๋ว  ใครพอร์ตใหญ่ ก็เปรียบเทียบกับห้างค้าปลีกใหญ่ๆไป ฮ่าๆ )   ที่ทุกวัน เราจะต้องสั่งสินค้่าหรือวัตถุดิบกับ ซัพพลายเออร์  โดยเอาของจากซัพพลายเออร์มาเก็บสต๊อกไว้  แล้วก็ขายเพื่อทำกำไร เพราะฉะนั้น  ถ้า สินค้าหรือวัตถุดิบ มีราคาถูก แล้วเราสามารถขายได้แพง  เราก็จะได้กำไร   แต่ถ้า สินค้าหรือวัตถุดิบแพง เราก็จะต้องขายให้มันแพงกว่า  แต่ถ้าขายได้ถูกกว่าที่ซื้อมา ก็จะขาดทุน   เห็นมั้ย !! เกี๊ยวเกี่ยว ,,,,,,,,,,  ส่วนกระบวนการของการจัดซื้อจัดหา  การจัดจำหน่าย การตั้งราคา ของแต่ละร้านก็จะต่างกันออกไป  อยู่ที่ว่าใครบริหารจัดการได้ดีกว่า  ใครจัดการได้ดีกว่า ก็รวยกว่า  แค่นั้นเอง  !!!...,, ส่วนร้านของกระผมนั้น ยังเป็นร้านเล็กๆ กระจอกๆ ในรูหนูอยู่เลย โฮะๆ !!
                 
                   เพราะฉะนั้น คำว่า Logistics มันอยู่ใกล้ชิดกับเรามากๆ   ถ้ายังไม่เชื่อ พรุ่งนี้ ขี้ ลองหาใบไม้มาเช็ดตูดดู เช็ดอย่างเดียวนะ ห้ามโดนน้ำ   แล้ววันต่อไปใช้น้ำฉีดเหมือนเดิม  ดูซิว่า อย่างไหนมันดีกว่ากัน ถ้าคุณคิดว่า ใช้น้ำฉีดดีกว่า คือคุณ เข้าใจ Logistics แต่ถ้า คุณคิดว่า ใช้ใบไม้เช็ดดีกว่า,,,  ผมว่า... เราคุยกันไม่รู้เรื่องและ  555555555555555555555555+



                

                 

               

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เลิกมีกิ๊ก เพราะหุ้น !!!!!!


              ใครเคยมีกิ๊ก ยกมือขึ้น !!!! ...... พรึ่บ !!!!  ผมคนนึงล่ะที่ยกมือ ( ใครไม่กล้ายก กระดกนิ้วก้อยก็ได้นะฮั๊ฟฟ,,)   มีกิ๊กแล้วเป็นไง ????? ..........ตอบได้คำเดียวว่า มันส์ !!! ตื่นเต้น ๆ !!!

               ผมไม่ใช่คนหน้าตาดีนะ อ้วนๆ ดำๆ แต่ไม่เตี้ยนะ มาตรฐานพอได้อยู่  ฐานะทางบ้านปานกลาง มีรถขับ (รถพ่อนะ) ...แต่ชอบมีกิ๊กว่ะ  เจ้าชู้ !!!!!!!

               ตอนปี 1 เทอม 1 ช่วงนั้น ใช้ได้เลย โชกโชนๆ หลีหญิงทีเดียว 3 คน อ่ะ ( ผมรู้ พี่ ๆ เพื่อน ๆ มีเยอะกว่าผมอีก ฮ่ะๆ ) คือ มี แฟนจากมัธยมปลายที่ติดพันกันมา (แต่เรียนมหาลัยคนละที่กัน) ส่วนอีักสองคน มาลุยเอาดาบหน้าที่ศิลปากร ,,,
               เออเว๊ย !!! เพิ่งรู้ว่า อาชีพนายสถานีนี่มันก็แจ่มดีนะ ^^,, เวลาเลิกเีีรียน หรือไม่มีเรียน ก็รับจ๊อบอาชีพนี้ สับไป สับมา ปั๊บ ๆ ๆ ๆ ..., ไอ้เราก็มือใหม่อ่ะนะ ปี 1 เทอม 1 เสือกเปรี้ยว !!  หุหุ ...
                 ช่วงนั้นก็คิดว่าเท่ห์อ่ะนะ  คบ 3 (โคตรเกรียน  เพิ่งเลิกหัวเกรียนมาไง เลยยังมีนิสัยเกรียนติดมาอยู่ ) ,,, มันโคตรจะสนุกนะ  .. คือแถวมหาลัยมันก็จะมีที่ให้ไปไม่ค่อยเยอะอ่ะ มีแค่ Big C กับ Lotus แต่ Big C นี่จะดีหน่อย มีโรงหนัง คือด้วยความที่สถานที่มีให้ไปน้อย  ,,น้อยแล้วยังเสือกแคบอีก เพื่อนฝูงก็ไปกันเยอะ  แล้วไอ้เรามันคนมีกิ๊กอ่ะ    (เออๆ ,,ลืมบอกไป ว่า คนที่ติดพันมาจาก มัธยม คนนั้นยืนพื้นเป็นหลัก อีกสองคน ผู้เล่นสำรอง !!! ,, ^^)  คือ มันก็ต้อง โคตรพ่อ Keep a Secret ใช่ป่ะล่ะ  เวลาจะไปกับคนไหนนะ ต้องตั้งสติดีๆ  สายตานี่ต้องเร็วเลยนะ ( ช่วงนั้นต้องกินผัดผักบุ้งเยอะๆ บำรุงสายตา ฮ่าๆ !!)  รัศมีการมองรอบตัวนี่ต้อง เป็นสิบๆ เมตรอ่ะ  แล้วอย่าทำตัวลอกแลกๆ นะ เด๋วไอ้คนที่มาด้วยมันจะสงสัย !!,,,,, คือ เราเจอเพื่อนไม่ได้ไง ถ้าเจอนี่ เปิดไฟเลี้ยวกระทันหันเลยนะ หึหึ,.  คือว่า เรียน Marketing มา อาจารย์บอกว่า กลยุทธ์การตลาดที่ดีที่สุด คือ "ปากต่อปาก"  ,,, นั่นไง ถ้าเจอเพื่อนหรือคนรู้จัก  คือ  จบ ( The End) !!  

                 ช่วงแรกก็รอดมาได้ตลอดอ่ะนะ  หลังๆ รู้สึกจะฝีเท้าตก !!  รู้สึกว่า นักเตะในสังกัดที่โดนใบแดงไปก่อน คือ ไอตัวยืนพื้นอ่ะ (หุหุ ยืนพื้นไปก่้อนเลย) ช่วงนั้นก็เข้าสู่ช่วง ทดเวลาบาดเจ็บ เกมส์เริ่มดุเดือด  ,,,.. ความลับมันไม่มีในโลกไง   สักวันมันก็ต้องเผย
ออกมา จริงป่ะล่ะ !!
                  ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนั้นเอง ก็ได้มีนักเตะตัวสำรอง โดนใบแดงไปอีก 1  ,, อั้ยย๊ะ !!!  โดนไปอีก 1 แล้ว อีก 1 มันจะเหลือเร๊อะ !!!  ..... ก็ไม่เหลือไง จบเกมส์ โดนใบแดงแม่งทั้งสนาม !!! เหลือแต่ผู้จัดการทีม ....เฮ้อออ เศร้า !!! T_T


                 และแล้วก็ผ่านไป  ชีวิตนักศึกษา ปี 1 เทอม 1 ผ่านไปพร้อมกับประสบการณ์ความรักอันแสนจะวุ่นวาย  ...จบเทอม 1 แล้วก็ต้องขึ้น เทอม 2 (ช่วงนั้นยังไม่เริ่มสนใจเรื่องหุ้น) ในตอนนั้นก็พูดกับตัวเองว่า จะเพลาๆลงละ รักซ้อนซ่อนเงื่อน  เหนื่อย เครียด เสียพลังงาน  แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีแฟนเลยนะค๊าบบบ  เรามันพ่อหนุ่มหัวใจเปลี่ยว ขาดไม่ได้เลยเรื่องพันธุ์เนี้ย !!! ( พันธุ์ไหนว๊ะ ??)  ... สรุปแล้วก็ได้เจอกับแฟนคนที่คบกันจนถึงปัจจุบัน ( ฮ่าๆ ได้ตัวยืนพื้นใหม่ ........... ล้อเล่นนะจ้ะ กัปตันทีม 555+)  ช่วงนั้นก็คบแต่คนนี้คนเดียว  ไม่อยากมีมันและ ก๊งกิ๊ก  เป็นผู้ชายรักเดียวใจเดียวดีกว่า ,,, ( โถ่ !!! ทุ้ยยยยย!!  ... อ่าว คบคนเดียวจริงๆนะ )
                แต่แล้ว .................. ก็เกิดเรื่องขึ้นอีก ,,,!!!
                ตอนนั้น ขึ้น ปี 2 เทอม 1  เทอมนั้นต้องเรียนวิชา Labปฏิบัติการไฟฟ้า  เค้าก็จะแบ่งช่วงเวลาเรียนออกไป เป็น ก่อน Midterm กับหลัง Midterm เหมือนวิชาอื่นๆทั่วไป  ไอ้ก่อน Midterm ก็เรียนปกติไม่มีอะไร  หลัง Midterm เนี่ยดิ คือเวลาเรียน Lab อาจารย์เค้าก็จะให้จับกลุ่ม  ตอนก่อน Midterm ก็จะกลุ่มเหมือนกัน แต่กลุ่มใหญ่ หลายคนอยู่  แต่หลัง Midterm นี่ กลุ่มละสองคนคับโผ๊มมมมมม!!  ...เอ้อ สองคนแล้วไง ??? นั่นดิสองคนแล้วไง ???  ...พี่ๆ เพื่อนๆ รู้จัก ถ่านไฟฉายตากบมั้ยล่ะค๊าบบ ( ตากบ บ้านมึง !! ถ่านไฟเก่า ๆ )  เออนั่นแหละ ถ่านไฟเก่า   .. ผมได้ทำ Lab คู่กับ นักเตะตัวสำรอง คับโผ๊มมมมมม ,, คนเก่าคนเดิม ที่เคยลงเล่นให้กับทีมผมตอนฤดูการแรก ที่เริ่มตั้งทีม  ยังจำกันได้ใช่มั้ยค๊าบ ,,   ถ้าจะให้อธิบายด้วยภาษาทางวิศวกรรมไฟฟ้า  บอกได้คำเดียวเลยครับว่า  " สปาร์กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!! "
                    และแล้วความสัมพันธ์ระหว่างผมกับนักเตะตัวสำรอง ก็ดำเนินไปอย่าง ลับๆ  ลับ ลับ และก็ ลับๆ   .... ส่วนเหตุการณ์หลังจากนั้น กระผมขอเก็บเป็นความลับ ( นี่มึงยังจะ ลับ อีกเหรอเนี่ยย !!)  .....
บอกได้สองคำครับว่า " เลือดสาด and เลือดสาด " ไม่ได้พิมพ์ผิดนะครับ แต่มันมีแค่คำว่า เลือดสาด จริงๆ !! เฮื๊อกกกกกกกกก,,,,,,,,,

                    ในที่สุด !!,,,,,..... ผมก็ได้มาเจอกับ ยาเม็ดวิเศษ ที่ช่วยแก้โรคชอบมีกิ๊กครับผม  ..แต่น แตน แต๊นนนน ,,, ยาเม็ดนั้นมีชื่อว่า " หุ้น " คับโผมม  ไม่ได้โม้นะคับ  คือพอเราได้มีสมาธิอยู่กับเรื่องอะไรที่เราจริงจัง  สมาธิเรามันจะดีมากเลยนะ  ในหัวเรามันจะโฟกัสอยู่กับเรื่องนั้นๆ  ทำให้หัวเราไม่ฟุ้งซ่าน ,, เจ๋งป่ะล๊าาาาาาาา !!! ^^,.
                       ตั้งแต่ผมศึกษาเกี่ยวกับหุ้นมา ผมยังนึกไม่ออกเลยนะ ว่าผมคิดถึงเรื่องการมีกิ๊ก การแอบไปจีบสาว ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ (เวอร์ แสดดดด !!) ไม่เวอร์ๆ พูดจริง  ลองดูดิ ถ้าไม่เชื่อ ,,, ก็ วิถีชีวิตมันเปลี่ยนอ่ะ  เช้าตื่นมา อ่านข่าว  กินข้าว ขี้ อาบน้ำ !! วิเคราะห์กราฟ รอตลาดเปิด หลังจากตลาดเปิด ก็เช็ดเลือด  ไปเรียน เรียนไปก็เช็ดเลือดไป เช็ดทั้งวัน  ตลาดปิดก็ทำแผล เย็นก็ดูรายงานข่าวสรุป นั่งอ่านนู่นอ่านนี่ วิเคราะห์กราฟ เตรียมไปเลือดสาดต่อวันรุ่งขึ้น  นอน ..ตอนนอนก่อนหลับ ในหัวก็ เต็มไปด้วย สารพัด สารพัน นู่นนี่นั่น เกี่ยวกับหุ้นในหัว  ,,,, เห็นมั้ย !!!! จะเอาเวลาไหนไปคิดเรื่องกิ๊ก โด่..!! ลืมไปได้เลย  ... อยากบอกนะว่าเสาร์ อาทิตย์   ,,เสาร์ อาทิตย์ อ่านหนังสือหาความรู้ค๊่าบบบ !!!!!!!! ^^

                      สรุปแล้ว มีกิ๊กมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย  แต่เราๆ ท่านๆ มันก็ชาวพุทธโธ ยุบหนอ พองหนออ่ะ  ศีลข้อ 3 เค้าก็บอกอยู่   ,,,แต่ถ้าใครคิดจะมีกิ๊ก ก็บริหารจัดการให้มันดีๆ  ใครเรียนการจัดการก็ดีหน่อย   ( อ้าว............ กูเรียน Logistics กับการจัดการนี่หว่า  !!!!  แจ่ม ,,,,,!!!!! 555555555+ )



...เพื่อนๆ พี่ๆ มีโอกาสได้สละเวลามาอ่านBlogถึงตรงนี้  รบกวนเพื่อน ๆ พี่ ๆให้คะแนนทางด้านขวาด้วยนะค๊าบ 
( อ่านให้มึงก็บุญแล้วนะ ) (พี่ๆ เพื่อนๆ คิด ),,, 
น่านะ ขอคะแนนหน่อย...

 


<< น้อง  i-Phone สุดที่รัก มาม๊ะ จุ๊บๆ                                                                                    Logistics กับ การเล่นหุ้น >>

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

น้อง i-Phone สุดที่รัก มาม๊ะ จุ๊บๆ



               มีคำกล่าวไว้ว่า " ถ้าในโลกนี้ Apple และ Blackberry เป็นแค่เพียงชื่อผลไม้ โลกเราคงจะสงบสุขกว่านี้ " ......กล่าวโดยใคร ????????? กล่าวโดยเพื่อนผมเอง ฮ่าๆ ...ไม่รู้ทำไมมันถึงพูดอย่างนั้น !! (ถ้าไม่เห็นด้วย ให้ไปด่ามันนะครับ ผมไม่เกี่ยว อุอุ)

               แต่ผมคนนึงล่ะครับ ที่ไม่เห็นด้วยกับถ้อยวจีประโยคนี้ ,,, ไม่เห็นด้วยเพราะอะไร ??? ก็แบบว่า ...มันเหมือนเราเป็นคนตาบอด แขนด้วน ในโลกของการเล่นหุ้นอ่ะ ...ไม่รู้ว่า่เวอร์ไปป่าวนะ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นแหละ ...ก็คือ เรามันพวกพอร์ตจิ๋วเล่นสั้นอ่ะ   เริ่มเล่นแรกๆ ใจมันก็สั่นง่ายใช่ป่ะล่ะ ห่างจอหน่อยก็เอาและ " เห้อ มันจะเป็นยังไงว๊า จะโดนทุบป่าวว๊า จะขึ้นป่าวว๊า ตอนนี้เท่าไหร่แล้วว๊า ??? " บรา ๆ ๆ สารพัด สารพัน คำถามวิ่งในหัว    ...ก็ได้น้อง i-Phone นี่แหละ มาช่วยแก้ปัญหา ณ จุดนี้  ...แก้ปัญหายังไง?
ก็ถ้าพูดในเชิงทางวิศวกรรมจ๋าหน่อยๆ ก็จะประมาณได้ว่า เป็นอุปกรณ์ ที่ช่วยทำการ Monitor กระบวนการ ตรวจจับความผิดพลาด ที่เกิดแล้ว หรือกำลังจะเกิดในอนาคต   ...โด่ ๆ เจ๋งป่ะล่ะ,,, !!
                ก็คือ เราัยังเรียนอยู่อ่ะ  วันๆ ได้อยู่บ้านซะที่ไหน (คือผมไม่ได้อยู่หอนะ ผมเช่าบ้านอยู่แถวๆ มหาลัย)  เหอะๆ ,,!! ทำการ Monitor กระบวนการได้ทั้งวันแหละ ,, ยิ่งเวลาเรียนนี่จ๊าบเลย Monitor ไป เรียนไป ...โอ้ยสุขดีแท้   เครื่องเล็กๆ วางบนโต๊ะคู่กับหนังสือ ,,
                   แต่ ๆ ... แต่อย่าทุบนะ  กูขายไม่ทัน!!,. ฮ่าๆ   ...บางทีนะ เนื้อหาที่เรียนในห้องก็กำลังเข้มข้น ใจจดใจจ่อ อยู่กับการเรียน  แต่ลูกตาก็คอยมอง น้อง i-Phone นะ ฮ่าๆ  แบบว่า บางทีมันใกล้จะถึงจุดที่เราตั้งตัดขาดทุนไว้อ่ะ คือ ไอ้วิชาที่เรียนอยู่ ก็กำลังเล็กเชอร์อย่างเมามัน ถ้าคลาดสายตาแล้ว จะตามอาจารย์ไม่ทัน อะไรเงี้ย !! ไอเราก็ตั้งขาดทุนไว้ได้แค่ 5 % พอใกล้จะถึงเท่านั้นแหละ  โหยๆ แม่งโคตรลนอ่ะ !! ... จะเอายังไงดีว๊ากู ??? แล้วนึกภาพนะ   เน็ต EDGE ช้าๆ เอื่อยๆ นั่งเรียนอยู่ในห้องเรียน ที่บล๊อกสัญญาโทรศัพท์นักศึกษานิดๆ  ...โหยสวรรค์ชัดๆ (ประชดนะ,,,) กว่าจะขายทิ้งตัดขาดทุนไปได้ ไอ้ที่ตั้งไว้ 5 %  ล่อเข้าไปนู่น 6 - 7 %  กรรม ,,!!.
                    แล้วก็เป็นบ่อยด้วยนะอาการอย่างเงี้ย,,, แต่ส่วนมากผมจะเลือกแก้ไขกระบวนการนะ ไม่รงไม่เรียนมันและ  เงินสำคัญกว่า หึหึ ,,
                 
                    คือผมอยากจะบอกว่า มันก็ดีนะ ที่มีน้องเค้าคอยอยู่ข้่างๆ แต่ว่าเวลาเราจะทำกิจกรรมอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรียน กินข้าว เดินเที่ยว ดูหนัง เราต้องแยก สติ สมาธิให้ดีนะ ไม่งั้นมันจะดูเหมือนเราหมกมุ่นเกินไป แล้วอย่างอื่นมันจะเสียตามไปด้วย (อันดับแรก เีสียเงิน ก่อน !!! ฮ่าๆ)

                จากประสบการณ์ที่เล่นหุ้นมา คือถ้ามี i-Phone หรือมีอุปกรณ์อะไรก็ได้ที่มันใช้นอกสถานที่ได้ แล้วถ้าเราเป็นคนเล่นสั้น ถ้ามีเครื่องมือพวกนี้ไว้มันก็ดีแหละ ช่วยท่านได้ยามฉุกเฉิน !! คึคึ   ...แต่ถ้าใครไม่มี ก็ไม่ถึงขนา่ดที่จะต้องไปลงทุนหาซื้อมาใช้อ่ะนะ เราก็แค่เล่นยาวหน่อย ตั้งจุดตัดขาดทุนให้ลึกหน่อย เวลาเราอยู่ข้างนอก ระบบที่เราตั้งไว้มันจะได้รับมือกับสถานการณ์ได้ดีหน่อย เท่านั้นเอง !!!




...เพื่อนๆ พี่ๆ มีโอกาสได้สละเวลามาอ่านBlogถึงตรงนี้  รบกวนเพื่อน ๆ พี่ ๆให้คะแนนทางด้านขวาด้วยนะค๊าบ 
( อ่านให้มึงก็บุญแล้วนะ ) (พี่ๆ เพื่อนๆ คิด ),,, 
น่านะ ขอคะแนนหน่อย...


การเรียนกับการเล่นหุ้น

               ถ้าถามผมว่า " ถ้าจะเล่นหุ้น ต้องเรียนการเงินมั้ย ??? " ...ถ้าตอบจากประสบการณ์อันน้อยนิด ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในตลาดหุ้นมา ผมว่า ...ผมไม่ได้ใช้เลยนะ ถึงแม้ผมจะเรียนมาก็เถอะ 

               
           วิชาการเงินเนี่ย ผมได้มีโอกาสเรียนตอน ปี2 เทอม 2 (ตามที่ได้บอกไว้ในบทความแรกๆ) ...ผมชอบมันนะ สนุกดี เป็นวิชาที่จับต้องได้ดี ไม่นามธรรม ...ผมว่าถ้าสาขาคณะที่ผมเรียนอยู่ไม่มีวิชานี้ ผมว่าวันนี้ผมคงไม่ได้เล่นหุ้นนะ ( I Love You นะ น้องการเงินจ๋า จุ๊บๆ ) ...เป็นวิชาซึ่งจุดประกายทางความคิดเลยแหละ ...ผมได้ A ด้วยนะ ตอนประกาศผลสอบ (ผมชอบไง เรียนแล้วชอบ เลยตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจทำข้อสอบ) ...โห ยิ่งตอกย้ำความคิดในหัวเข้าไปใหญ่ ว่า " กูนี่แม่งใช้ได้นี่หว่า เรียนการเงินได้ A เล่นหุ้นแม่งจะไปยากอะไรว๊ะ !!! " ...ฮ่าๆ ไปๆมาๆ โคตรยากอ่ะ เลือดสาดบ๊อยบ่อย ^ ^ ,,,
                คือที่ว่าผมไม่ค่อยได้ใช้วิชานี้ในการเล่นหุ้น ถึงแม้ว่ามันจะ เกี๊ยวเกี่ยวกัน คือในเนื้อหาที่เรียน มันก็จะมีสูตรนู่น สูตรนี่ คำนวณหาค่านู่นหาค่านี่ เยอะแยะไปหมด มีค่าที่สำคัญบ้าง ไม่สำคัญบ้าง นู่นนี่นั่น !!,, แต่เวลาเราเล่นหุ้นอ่ะ บริษัทแต่ละบริษัทเค้าก็จะมีสรุปข้อมูล สรุปงบการเงิน ที่ให้ผู้ถือหุ้นได้เลือกดู เป็นค่าตัวเลขที่คำนวณมาให้แล้วเสร็จสรรพ แค่รู้ความหมายว่ามันคืออะไรก็พอและ ,,. แต่ไม่ใช่ว่า คนที่ไม่ได้เรียนการเงินมา แล้วจะไม่รู้นะครับ ว่าตัวเลขทางการเงินต่างๆมันคืออะไร ...เดี๋ยวนี้ google มันรู้หมด อยากรู้อะไร ...คลิกเอา !!!

               ผมว่าการเรียนสำคัญนะ เพราะวิชาต่างๆที่เราได้เรียนในชั้นเรียน มันช่วยหาตัวตนของเราได้เลยล่ะ วิชานั้นเรียนแล้วชอบ วิชานั้นเรียนแล้วเกลียด วิชานั้น ได้ A วิชาโน้น ได้ F ได้ D อะไรก็ว่ากันไป แต่ถ้าเราไม่ตั้งใจเรียน เราจะไม่รู้เลยนะว่าเราชอบอะไร ถึงคณะที่ผมเรียนจะเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผมก็ได้เรียนวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรม หรือเกี่ยวแต่เกี่ยวแบบอ้อมๆ มันก็เจ๋งดีอ่ะ เพราะตอนนี้ เรียนไปเรียนมาได้ 3 ปี กลายเป็นว่า " กูชอบการเงินเฉย !!! กูชอบเล่นหุ้น กูชอบทำธุรกิจ (ผมเคยทำธรุกิจเล็กๆ ด้วยนะ สนุกดี แต่เจ๊ง T_T " อ่าว...แล้วนี่มึงเรียนมาแล้ว 3 ปี คณะวิศวฯ มึงเรียนไปทำไมเนี่ย !! (คำกร่นด่า จากเพื่อนฝูง) เออ ... นั่นดิ กูเรียนไปทำไม !!! .......... ช้าก่อนๆ คือว่า คณะที่ผมเรียนอ่ะ คือคณะวิศวฯ แต่ว่าสาขาอ่ะ เป็นสาขา การจัดการโลจิสติกส์ คือสาขาเนี้่ยประมาณว่า จบไปแล้ว ไปจัดการโรงงานให้มันเจ๋ง ให้มันดี ลดต้นทุนได้ต่ำๆ ...อ้าวแล้วยังไง ???? ก็ไม่มีอะไร การจัดการโรงงานมันก็คือส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ แล้วเราชอบ การเงิน ชอบเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ ชอบเล่นหุ้น ,,, ... ก็เวลาเราซื้อหุ้น คือการที่เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง (ส่วนเล็กๆ เพราะพอร์ตกูเล็กนิดเดียว ฮ่าๆ) ของธุรกิจชาวบ้านเค้า 
               ไปๆมาๆ เฮ๊ย !!! กูมาถูกทางนะเนี่ย ... ถูกทางยังไง อ้าวๆ คิดดู ถ้าผมเรียนจบไป แล้วได้มีโอกาสไปทำงานในบริษัทจดทะเบียน ที่มีโรงงานมีอะไรให้ผมจัดการ ผมขึ้นแท่น Insider เลยนะฮั๊ฟฟ !!

               แล้วทุกวันนี้ ผมก็เรียนไปด้วย เล่นหุ้นไปด้วย ( เจ้า จอร์ช !! เท่ห์ว่ะ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยเห็นกำไรเป็นชิ้นเป็นอันอ่ะนะ ) เวลานั่งเรียนไป ก็นั่งดูหุ้นใน iPhone ไป โหยยยยยย!!! โคตรสุข ^^ ,,,แต่เวลาโดนทุบ แล้วไอหุ้นที่เราถืออยู่มันล่วงอ่ะนะ นึกภาพดิ นั่งเรียนอยู่ หุ้นที่เล่นอยู่แดง พอร์ตลบไปแล้ว 5% แล้วเน็ตที่ใช้   ใช้EGDEอ่ะ ....แม่ง!! น้ำตาไหล ,,เพื่อนเสือกหันมาถามอีก " มึงเป็น...ไรว๊ะ อาจารย์สอนออกจะสนุก เสือกนั่ง ซึม !! " (มึงมาเป็นกูมั้ย ไอ้สันเขื่อน !!!!!!!!!)


...เพื่อนๆ พี่ๆ มีโอกาสได้สละเวลามาอ่านBlogถึงตรงนี้  รบกวนเพื่อน ๆ พี่ ๆให้คะแนนทางด้านขวาด้วยนะค๊าบ 
( อ่านให้มึงก็บุญแล้วนะ ) (พี่ๆ เพื่อนๆ คิด ),,, 
น่านะ ขอคะแนนหน่อย..



เมื่อนักศึกษาวิศวฯอยากเล่นหุ้น 2

                หลังจากที่อ่านเล่มที่สองจบไปเรียบร้อยแล้วนั้น ดวงตาและจิตวิญญาณของผมก็เริ่มชินกับคำศัพท์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นหุ้น ก็เข้าใจมากขึ้นอ่ะแหละ มีความรู้พอประมาณระดับนึง แต่ก็อ่ะนะ กูจะไปไงต่อ คิดๆๆ จะซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่มดีมั้ยน้า หรือจะเปิดพอร์ตเลยดี(พอร์ต คือ บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ที่จะต้องเลือกเปิดกับ โบรกเกอร์ใดโบรกเกอร์หนึ่ง) คือว่า ในหนังสือทั้งสองเล่มที่อ่านมา เค้าก็จะพูดถึงการเปิดพอร์ตครับ ผมก็เข้าใจในระดับนึงอ่ะนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าในบ้านเรามันมีโบรกเกอร์ชื่ออะไรบ้าง รายละเอียดเป็นยังไง สรุปแล้วก็เลยตัดสินใจไปซื้อหนังสืออ่านเพิ่มดีกว่า ( คือ ผมเป็นคนชอบ หาความรู้ด้วยตัวเองครับ ไม่ค่อยพึ่งใคร ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ แต่ผมไม่ใช่เด็กเรียนแว่นหนาเตอะนะครับ ผมชอบอ่านหนังสือหลายประเภทอยู่)
               ฮ่าๆ ,,, และแล้วผมก็ได้หอบหิ้วหนังสือกลับมาอ่านเพียบเลย ^^


                 หนังสือ ชุดนี้ ก็จะเป็นของเครือ stock2morrow ครับ stock2morrow เป็นสังคมนักลงทุนรายย่อย ที่เราจะสามารถเข้าไปหาความรู้กับพวกพี่ๆได้อย่างเต็มที่ มีทั้งเว็บไซต์แล้วก็หนังสือครับ ผมว่าหนังสือชุดนี้ ช่วยเปิดโลกทัศน์ของผมเกี่ยวกับเรื่องหุ้นได้อย่างมากเลยล่ะครับ


               ส่วนชุดนี้ ก็เป็นหนังสือเกี่ยวกับหุ้นที่คละเคล้า หลากหลายรูปแบบกันไป มีทั้งหนังสือสอนใช้โปรแกรมวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคของ eFinance หนังสือวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค หนังสือเกี่ยวกับชีวิตการทำงานของโบรกเกอร์ หรือ นักวิเคราะห์ 
               ถ้าเพื่อนๆ มีเวลาว่างได้ไปเดินเล่นที่ร้าน se-ed ลองหาซื้อกลับมาอ่านดูนะครับ รับรองว่า ได้ความรู้แน่นเอี๊ยดแน่นอน จิ๊กกรี้วววว!!!!,,,

                  และแล้วเวลาก็ล่วงเลยผ่านไป ในช่วงการปิดเทอมขึ้นปี 3 ของผม ผ่านเลยไปพร้อมความรู้ที่สะสมไว้ในสมองอย่างแน่นเอี๊ยด พูดได้ว่าจัดเจนในระดับนึง หึหึ,,, แต่ก็นะคับ มีแค่ความรู้จากการอ่านหนังสือมันไม่พอหรอก มันถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มกลายร่างเป็นแมลงเม่าน้อย แล้วออกบินเข้าสู่สนามรบแห่งการลงทุน โบยบินเข้าสู่กองไฟที่ร้อนระอุดังเพลิงราวา (ว่าไปนั่น !! แต่มันร้อนจริงๆนะครับเพื่อนๆ ได้เข้ามาสัมผัสแล้วจะรู้ อิอิ .,..)
                    ดังนั้นแล้ว เป้าหมายต่อไปที่เราจะต้องทำคือ การเปิดพอร์ตครับ ก็มีความรู้แล้วนี่ เปิดพอร์ตแม่งเลย จะได้รู้ดำรู้แดงกันไป ตอนนั้นก็ยังไม่ึค่อยมีความรู้เกี่ยวกับโบรกเกอร์เลยครับ ไม่รู้ว่าจะเปิดกับใครดี ไม่รู้ว่าเค้าเก็บค่าคอมฯค่าบริการกันยังไง อัตราเท่าไหร่ แต่สิ่งแรกที่ผมมองหาคือ ชื่อและความมั่นคงของโบรกเกอร์ครับ พอดีผมมีบัญชีธนาคารกับธนาคารกสิกรอยู่ ผมก็คิดว่า เอ๊... กสิกรเค้าเป็นธนาคารที่ใหญ่ดีนะ แล้วเค้าก็มีโบรกเกอร์ด้วย คือโบรกเกอร์ของกสิกร มันเป็นธุรกิจที่แตกไลน์ออกมาจากธนาคารหนะฮะ .... ผมก็เลยเริ่มหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต ดูว่ามันต้องทำไงบ้าง ใช้เอกสารอะไร ยังไง
               สุดท้ายแล้ว โบรกเกอร์ที่ผมเปิดด้วยที่แรก คือ กสิกรครับ หึหึ!!! เอาละว๊ะ...พอร์ตกูก็เปิดละ ความรู้กูก็มีละ ที่เหลือก็แค่วิชาปฏิบัติ
                   
                    ผมจำได้เลย หมัดแรกที่ผมซัดกับตลาดหุ้น ผมใช้เงินลงทุน หนึ่งหมื่นบาท ซื้อหุ้นอะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ละ แต่จำได้เลยว่า หมัดแรกนั้น ขาดทุนอ่ะดิครับ โดนไป 10% ได้มั้ง โห !!!!!!!!!! แม่เจ้า 10% ของ 10,000 เยอะนะโว๊ยยย!! ...... เอาเงินกูคืนม๊าาาาา T_T
                    แล้วที่สำคัญนะครับ คือ ค่าคอมมิชชั่นที่ทางโบรกเกอร์เก็บไป ตั้ง 100 บาท แหนะครับ  (คือมันมีขั้นต่ำ ต่อการซื้อขาย 50 บาทหนะครับ ) 100 บาท ต่อการซื้อขายหนึ่งครั้งนะครับ ผมก็เลยคิดว่า โห เยอะนะเนี่ย !! ... แล้วเราพอร์ตเล็กนิดเดียว ซื้อขายบ่อยๆ ค่าคอมมิชชั่นมิดดากแน่ ไม่ไหวๆ ... ตอนนั้นก็เริ่มรู้ระบบแล้วครับว่าระบบซื้อขายมันเป็นยังไง เก็บค่าคอมมิชชั่นยังไง ในใจก็เลยคิดจะเปลี่ยนโบรกเกอร์ครับ อยากได้โบรกเกอร์ที่ไม่มีการเก็บขั้นต่ำ แค่คิดเป็นเปอร์เซนปกติก็พอ
                    สุดท้ายแล้ว โบรกเกอร์ที่สองที่ผมเปิดบัญชีด้วย คือ บัวหลวงครับ ไม่มีค่าคอมขั้นต่ำ แถมยังอยู่ในเครือธนาคารกรุงเทพ สบายใจดีครับ

                  ...นับตั้งแต่วันที่เริ่มศึกษา จนถึงปัจจุบันนี้ ผมว่า การเล่นหุ้นเนี่ย !! มันโคตรจะสนุกเลยครับ เราได้มีความรู้เราได้มีประสบการณ์ในเรื่องๆหนึ่ง ที่คนรอบตัวเราเค้าไม่ค่อยสนใจ เราได้รู้เกี่ยวกับเรื่องราวของเงิน เรื่องของเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ผมมีความรู้เยอะขึ้นมากเลยแหละ แต่ก่อนดูทีวี มันก็จะมีรายการข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจใช่มั้ยครับ โหดูแล้วแม่ง งง !! พูดไรว๊าาา,,, กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ ข่าวเศรษฐกิจ แม่งโคตรสนุกเลยครับ อีกอย่างนะครับ ตั้งแต่สนใจเรื่องหุ้นมา ตื่นโคตรเช้าอ่ะ อยากอ่านข่าว อยากหาข้อมูล อยากนั่งดูกราฟ นั่งดูจอเทรด โคตรเพลินครับ ... ตอนที่เขียนบทความอยู่นี่ ก็เป็นช่วงเปิดเทอม ปี3 เทอม 1 ครับ ... ก็ยังซื้อขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง สลับกันไป คือเรามันนักศึกษา พอร์ตเล็กๆ แนวทางการเล่นส่วนใหญ่ ก็จะออกไปทางแนวเก็งกำไรมากกว่า แต่ในอนาคตถ้าทำงานได้่เอง ไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ ผมก็อยากจะลงทุนในหุ้นนะครับ หาบริษัทดีๆ ซื้อเก็บไว้ให้ลูกให้หลานเป็นมรดก

                   ท้ายสุดของบทความนี้ ถ้าเพื่อนๆนักเรียนนักศึกษา ได้มีโอกาสสละเวลาว่างมานั่งอ่าน บทความของผม แล้วเกิดความคิดขึ้นในหัวว่า " กูอยากเล่นหุ้นดูบ้าง " ผมว่า เริ่มตอนนี้ มันเร็วดีนะครับ มีเงินเก็บ เรียนไป เล่นหุ้นไป เท่ห์ออก อนาคตเรียนจบ หาเงินจากงานประจำได้เยอะๆ ถึงเวลานั้น ประสบการณ์เราในการเล่นหุ้น คงจะมีน้ำหนักเยอะพอดู ความสามารถในการลงทุนของเรามันขึ้นกับประสบการณ์ค่อนข้างเยอะครับ ลองดูครับเพื่อนๆ ไม่เสียหาย ( เสียแค่ตังค์ 555555+ )


...เพื่อนๆ พี่ๆ มีโอกาสได้สละเวลามาอ่านBlogถึงตรงนี้  รบกวนเพื่อน ๆ พี่ ๆให้คะแนนทางด้านขวาด้วยนะค๊าบ 
( อ่านให้มึงก็บุญแล้วนะ ) (พี่ๆ เพื่อนๆ คิด ),,, 
น่านะ ขอคะแนนหน่อย..





วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เมื่อนักศึกษาวิศวฯอยากเล่นหุ้น 1

               บทความเรื่อง " เมื่อนักศึกษาวิศวฯ อยากเล่นหุ้น " นี้ ผมจะพูดถึง ความสนใจ พูดถึง จุดเปลี่ยนทางความคิด ที่ทำให้เราอยากเดินเข้าสู่เส้นทางของนักลงทุน นักเล่นหุ้น นักเก็งกำไร จากการที่เราเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง ...แถมการเล่นหุ้น มันก็ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับคณะที่เรียนเราไหร่เล้ย ผมว่ามันก็นอกกรอบดีนะ ทำอะไร ศึกษาอะไร ที่คนรอบข้างเค้าไม่ทำกัน ( ตอนผมเริ่มศึกษาเรื่องหุ้น ผมAlone เลยล่ะ เพื่อนๆในคณะ มันไม่เอากัน แต่ตอนนี้ ก็เริ่มมีความสนใจ อยากจะศึกษากันบ้างละ )
               ในบทความนี้ ผมจะมีภาพของหนังสือ แล้วก็แนะนำหนังสืออย่างคร่าวๆ เป็นหนังสือที่ผมอ่านเพื่อศึกษาเกี่ยวกับเรื่องหุ้น ผมอ่านหนังสือเยอะัในระดับนึง แต่ก็ยังไม่มากพอ ยังมีอะไรที่ยังไม่รู้อีกตั้งเยอะตั้งแยะ ช่วงหลังๆ มานี้ มีเพื่อนในคณะเข้ามาคุยกับผมเกี่ยวกับเรื่องหุ้นค่อนข้างเยอะ ส่วนมากก็จะถามว่า " เห้ย มันเล่นยังไงว๊ะ !! " ..." เห้ย มันได้เงินจริงป่าวว๊ะ !! " ..." เห้ย มันเริ่มต้นยังไงว๊ะ " ..." เห้ย กูอยากเล่นบ้าง มึงมีหนังสือป่ะ กูยื้มหน่อย !! " บรา ๆ ๆ ...ผมว่านะ วัยรุ่น สมัยเนี้ย (กูแก่ ตายล่ะ) เสียตังค์ทำอะไรได้ตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ว่าเจียดตังค์มาซื้อหนังสืออ่านหาความรู้เนี่ย แม่งควักยากมากกกกกกกกกกกกกก,,,,,,,,, ผมก็ไม่ได้ขี้งกนะ มันยืมหนังสือ ผมก็ให้ แต่ส่วนมากยืมไปแล้ว แม่งกอง!! ผมว่านะ การเล่นหุ้นมันใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะอยู่ ถ้าคุณยังไม่รู้จักลงทุนเพื่อหาความรู้ คือ ซื้อหนังสือเนี่ยแหละ ผมว่า ... คุณไม่เหมาะกับการเล่นหุ้นนะ
               

            ผมเริ่มสนใจการเล่นหุ้นตอนเรียนอยู่ปีที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร (ตอนที่เขียนบทความนี้ ผมอยู่ ปี 3 เทอม 1) โดนเริ่มจากการเรียนวิชา "การเงิน" ตอนปี 2 เทอม 2 พอดีผมเรียนวิศวฯโลจิสติกส์ เลยต้องเรียนการเงินด้วย ก็ได้ฟังได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องของหุ้นพอสมควร และตัวอาจารย์ที่สอน แกก็เป็นคนที่เล่นหุ้น เวลาแกสอนๆไป ก็จะเมาส์เรื่องหุ้นให้กับนักศึกษาฟังไป ตอนแรกๆก็ยังไม่ชอบหรอก อะไร หุ้น เหิ้น งง!!! จำได้ว่า ตอนสัก กลางเทอมของเทอม 2 (ประมาณเดือน ธันวาคม 2010) ก็เริ่มที่จะสนใจศึกษากับเกี่ยวกับหุ้นอย่างจิงจัง(นิดๆ) เพราะว่าอะไรถึงอยากศึกษาเรื่องหุ้น ก็แบบว่า ได้ยินได้ฟังมาว่า เล่นหุ้นมันได้เงินเยอะไง ไอเราก็อยากหาเงิืน อยากได้เงินกับเ้ค้าบ้างอ่ะดิ หึหึ !! (โคตรเม่า),,,  ก็เลยลองไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับหุ้นที่se-ed (พอดีผมเป็นคนชอบเข้าร้านหนังสือ เลยชิวๆกับการซื้อหนังสือมาอ่าน) ตอนไปดูที่ชั้นวางในร้าน อุ๊แม่เจ้า !!! แม่งมีหนังสือเกี่ยวกับหุ้นเยอะมาก เกิดคำถามในใจเลยตอนนั้น " แล้ว...กูจะซื้อเล่มไหนว๊า!! " สอดส่ายสายตามองบนชั้นหนังสือ ก็กะจะโฟกัสไปแนวๆแบบว่า มือใหม่เพิ่มเริ่ม อะไรประมาณนั้นล่ะ มันก็มีให้เลือกเยอะนะ แนวๆสไตล์ๆ มือใหม่ แต่แบบว่าหน้าปกแม่งจิงจังน่ากลัวเกิ๊น !! สรุปแล้วก็ได้เล่มตามภาพด้านล่างนี่มาครอบครอง
เหตุผลที่เลือกเล่มนี้เป็นเล่มแรกมา ก็เพราะว่า แบบว่า สอนป้าเอียดเล่นหุ้นอ่ะ " ป้าเอียดนี่ใครว๊า ?? แม่ค้าส้มตำ ผัดไท หอยทอดหรือเปล่า ขนาดป้าเอียดยังเล่นหุ้นได้ กูนี่เป็นถึงนักศึกษาวิศวฯ เรื่องหุ้น ขี้ๆ"

จำได้เลยว่าอ่านไปครึ่งเล่มมั้ง กองเลยครับพี่น้อง อ่านแล้วโคตรงง (ไม่ได้หมายความว่าหนังสือไม่ดีนะครับ หนังสือดีมาก แต่ความรู้ที่เรามีมันโคตรน้อยไง เลย งงชิบหายวายป่วง) ช่วงนั้นก็เลยเลิกศึกษาไป แล้วก็เก็บหนังสือเข้าชั้นไปตามระเบียบ (โคตรตั้งใจเลยเน๊อะ!!)
แล้วเวลาก็ผ่านไป พร้อมกับลืมไปแล้วด้วยว่ามีหนังสือเล่มนี้อยู่ ช่วงนั้นช่วงสอบ Final ของเทอม 2 (ประมาณเดือน กุมภาพันธ์) คือ สอบก็ต้องอ่านหนังสือเยอะอ่ะเน๊าะ ก็เลยไปพบกับป้าเอียด นอนหลบอยู่ในชั้นหนังสือ ก็เลยหยิบขึ้นมา แล้วก็นั่งจ้องป้าเอียดได้สักพักนึง เปิดหนังสือดูผ่านไปผ่านมา อยู่ดีๆ ก็เกิดไฟลูกใหม่ ลูกที่สอง ลุกโชนขึ้นมาในหัวใจ (หลังจากที่ลูกแีรกดับวูบไป ฮ่าๆ,,) เลยพูดกับตัวเองว่า "สอบFinalเสร็จ กูจะตั้งลำศึกษาใหม่" แล้วก็กองป้าเอียดไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาสอบต่อไป 

และแล้วผมก็สอบ Final เสร็จ สิ่งแรกเลยที่อยากทำหลังสอบเสร็จ คือ .........( กูจะนอน ให้ตายไปข้างนึงเลย 555+ คือช่วงอ่านหนังสือ แม่งนอนโคตรน้อย ฮ่าๆ ) 

หลังจากที่พักผ่อนกายาแล้ว ร่างกายสดชื่นกระปี้กระเป่า แถมเป็นช่วงปิดเทอม ไม่ได้ทำอะไร ผมนึกถึงป้าเอียดเลยครับผม ป่านนี้แกคงนอนรอผมอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ จนหนังเหี่ยวติดโต๊ะไปแล้วมั้ง !! 
ผมไม่รอช้าครับ ตั้งปณิธานกับตัวเองเลยว่า " กูจะต้องมีความรู้เรื่องหุ้นมากๆ ให้ได้ " แล้วผมก็บรรเลงอ่านป้าเอียดจนจบ (อ่านประมาณ 2 วัน) สรุปแล้ว,,,,.......     (กูก็ยัง งง เหมือนเดิมมมเลย โว๊ยยยยยยย!!! งง แต่ก็มีความรู้เพิ่มขึ้นนะครับ เพราะว่าอ่านจบเล่ม ^^) ผมไม่รอช้า ครับ รีบบึ่งไป se-ed โดยทันที แล้วก็ไปยืนมึนอยู่หน้าชั้นหนังสือเหมือนเดิม ...แต่แล้วก็ได้เจ้าเล่มนี้มา
...เหตุผลที่ผมเลือกเล่มนี้เป็นเล่มที่สอง คือมันอ่านง่ายครับ มันเป็นการ์ตูน แล้วก็มันมี key word ที่สำคัญคือ " เล่นหุ้น ออนไลน์ " โหยๆ โดนเลย เล่นหุ้นออนไลน์ ... คือเรามันก็วัยรุ่นยุคใหม่อ่ะเน๊าะ อินเตอร์เน็ตนี่เพื่อนซี้เลย เล่นคอมก็เล่นมาตั้งแต่ ป.6 จนป่านนี้แล้ว ล่อไป เกือบสิบปี ถ้าเล่นหุ้นทางเน็ตได้คงเท่ห์น่าดู

...ผมว่าเล่มนี้ก็เป็นเล่มที่เพิ่มความรู้ให้กับผมค่อนข้างมากพอควรครับ แต่ก็ยังก๊งๆ อยู่ดี ไม่รู้ว่ากูจะไปทางไหนต่อ ฮ่าๆๆๆ